เปิดผัง! ไฟไหม้โกดังสารเคมีรอบ 2 คาด วางเพลิง
ผังของโกดังเก็บสารเคมีแห่งนี้ ทางซ้ายมือสุดคือโกดังที่ 1 และ 2 ซึ่ง 2 โกดังนี้ถูกลอบวางเพลิงไปเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่เกิดเหตุพบหลักฐานชัดมีธูปปักกับประทัดไล่นก และอลูมิเนี่ยมผงเกือบ 20 จุด แต่ยังจับใครไม่ได้
ต่อมา วันที่ 18 เมษายน 2567 เกิดควันสีส้มของกรดกำมะถันที่กัดกร่อนเหล็กและลอยออกไปด้านนอกโกดังที่ 4 และ 5 จำนวนมาก
และวานนี้ 1 พฤษภาคม 2567 เกิดเหตุเพลิงไหม้ซ้ำอีก คราวนี้จุดต้นเพลิงอยู่ที่โกดัง 5 หากสังเกตจุดต้นเพลิงโกดัง 5 อยู่เลียบคลอง ที่ไม่มีน้ำกั้นอยู่และติดถนน
นั้นหมายความว่า จุดนี้คนนอกสามารถเข้าถึงได้ง่าย เราได้ข้อมูลจากหน่วยกู้ภัยในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายปัญญา มีสมผล ที่เป็นชุดแรกที่เข้าไปดับไฟ ยืนยันว่า จุดต้นเพลิง คือโกดัง 5 อยู่ติดกับถนน
ด้านนายสนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ได้น่าสนใจ โดยบอกว่าเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีของกลางที่ อ.ภาชี น่าจะเป็นการลักลอบวางเพลิงหรือไม่ ซึ่งมีปัจจัยอาจทำให้เชื่อได้ว่าคือ
1. โกดังแห่งนี้เคยมีประวัติถูกลอบวางเพลิงมาก่อนหน้านี้ โกดังเก็บสารเคมีและกากอุตสาหกรรม มีกากสารเคมีอยู่ ประมาณ 4,000 ตัน เก็บไว้ใน 5 โกดัง ซึ่งอธิบดีกรมโรงงานสั่งอายัดกากดังกล่าวไว้เพื่อบังคับคดีตั้งแต่เดือนกันยายน 2566
2. ภายในโกดังไม่ได้เก็บสารเคมีหรือกากที่จะสามารถลุกติดไฟได้เองโดยที่ไม่มีประ กายไฟได้แก่ สารเคมีที่เป็นของเหลว1000 ลิตรบรรจุในถังแกลลอน , ถังบรรจุกรดกำ มะถันและกรดไนตริกจำนวนมาก , กากสีจำนวนมาก , เปลือกสายไฟ , ขี้เลื่อย เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้หากจะติดไฟได้ด้วยตัวเองจะต้องมีความร้อนจากอากาศเกิน 100 องศา แต่จะติดไฟได้ง่ายมาก ถ้ามีการจุดไฟโดยเฉพาะกากสีและเปลือกสายไฟเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี
3คำพูดจาก JOKER123. ไฟไหม้โกดังที่ 5 เมื่อเวลา18.45น. ซึ่งมีอุณหภูมิไม่ได้สูงมากนัก จึงไม่น่าใช่ว่ามาจากความร้อนในอากาศทำให้กากลุกติด ไฟได้เองแน่นอน
4. โกดังเหล่าถูกตัดไฟฟ้าไปแล้วจึงเป็นไปไม่ได้ว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวจร
5. หากสารเคมีและกากอุตสาหกรรมดังกล่าวถูกเผาทำลายไปแล้ว โดยที่หาผู้กระทำความผิดไม่ได้ จะทำให้ค่ากำจัด และค่าขนย้ายกากดังกล่าวลดลงได้มากกว่าครึ่ง
ช่วงนี้ไฟไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีบ่อย ที่จังหวัดดระยองก็เพิ่งคลี่คลายไป ซึ่งหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าทั้งสองโกดังมีความเชื่อมโยงกัน เราไปดูผังนี้
โกดังภาชี 5 หลังนี้มีเจ้าของ 2 คน เจ้าของโกดัง 1 – 2 เป็นชายสูงอายุ เจ้าของโกดัง 3-4-5 เป็นเด็กหนุ่มวัยกลางคน ช่วงเดือนตุลาคม ปี 2565 มีชายชื่อ "โอภาส" มาเจรจาบอกอยากซื้อโกดัง เจ้าของโกดัง ก็อยากขาย จึงช่วยเจรจาเดินเรื่องกับธนาคาร เอกสารที่นายโอภาส ยื่นจะกู้แบงค์ เป็นการซื้อในนามบริษัทแห่งหนึ่ง อ.อุทัย จ.อยุธยา ปรากฎว่าแบงค์ไม่อนุมัติ นายโอภาสจึงเช่าโกดังนี้ในนาม บริษัทแห่งหนึ่ง ใน อ.อุทัย จ.อยุธยา
โดยตอนเช่าใช้ชื่อบริษัทผู้มาเช่าในนามบริษัท "เพาะสอน" กรรมการเป็นชายคนหนึ่งอยู่ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ มีคนจ่ายค่าเช่า ชื่อโอภาส ส่วนคนขอติดตั้งมิเตอร์น้ำ และจ่ายค่าน้ำ ชื่อ "จตุวุฒิ" โดย จตุวุฒิ เคยถือหุ้น วิน โพรเสส มาก่อน
โอภาส มีชื่อ ตรงกับ โอภาส ที่เป็นเป็นกรรมการวิน โพรเสส ที่จังหวัดระยอง
ส่วนกรรมการ บริษัทเพาะสอน อยู่ อ.ศรีเทพ มีกิจการเชื่อมโยงกับวินโพรเสส หลังจากพบสารเคมีในโกดัง อ.ภาชี เมื่อปีที่แล้ว กรมโรงงานแจ้งความเอาผิด บ.เอกอุทัย ทั้้งตัวนิติบุคคล และกรรมการ เมื่อปี 2565-2566 โดยอ้างถึงหลักฐานว่า รถบรรทุกเอกอุทัย จอดในโกดัง มีถังเหล็ก มีโลโก้ เอกอุทัย อยู่ที่นี่เกือบ 50 อัน ตำรวจ ปทส.รวบรวมหลักฐานแจ้ง เอาผิด พรบ.วัตถุอันตราย ต่อคนเกี่ยวข้องกับการเช่า คือ กรรมการ บ.เพาะสอน กรรมการ 2 คน และนิติบุคคล บ.เอกอุทัย ทัังหมดมารับทราบข้อกล่าวหา และซึ่งทั้งหมดปฎิเสธ พร้อมสู้คดี
ยกเว้นนายจตุวุฒิ ยังไม่มาพบตำรวจ ปทส. และมีแนวโน้มจะออกหมายจับ ส่วนนาย โอภาส ไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในกรณีนี้
ด้านนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า กว่าจะเคลื่อนย้ายสารเคมีที่เป็นของกลางออกไปจากพื้นที่ได้ อาจกินเวลานานถึงเดือนมิถุนายน ซึ่งชาวบ้านมีความกังวลว่าจะเกิดเหตุซ้ำอีกเป็นรอบที่ 3 ขณะที่การดำเนินเรื่องลอบวางเพลิงในรอบแรกคืบหน้าไปมาก ส่วนคดีเรื่องลักลอบเก็บกากสารเคมี เบื้องต้นผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องให้การปฏิเสธทั้งหมด และไม่มีใครยอมรับว่าเป็นเจ้าของ
แน่นอนว่าอำนาจในการจัดการกากสารเคมีในโกดังทั้งหมด เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด เผยว่า หลังเกิดเหตุลอบวางเพลิงรอบแรก ได้พยายามส่งเจ้าหน้าที่ ทั้งฝ่ายปกครองและตำรวจ มาลาดตระเวนเฝ้าระวังตลอด แต่ทำได้แค่รอบนอก เนื่องจากด้านในโกดังเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ขณะที่ชาวบ้านอยากให้เอาสารเคมีออกไปให้เร็วที่สุด เพราะเก็บเอาไว้ก็เหมือนระเบิดเวลา
ตร. เผย คุมตัวผู้ต้องสงสัยสอบหาสาเหตุไฟไหม้โกดัง
พลตำรวจตรีโชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าจากการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องเบื้องต้น พบว่าช่วงเวลาประมาณบ่ายสองของวัยเกิดเหตุมีกลุ่มควันเกิดขึ้นจากโกดังที่ 1 และ 2 ทำให้เจ้าหน้าที่กรมงานและฝ่ายปกครองในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโกดังที่ 1 และ 2 มีไฟปะทุขึ้นจากโกดังที่ 5 ลามไปโกดังที่ 4
ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ สั่งให้ติดไว้รอบโรงงานหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งแรก พบว่ามีคนหรือกลุ่มบุคคลที่มีลักษณะต้องสงสัย เข้า – ออก ในช่วงเวลาเกิดเหตุ แต่เบื้องต้นตำรวจยังไม่สามารถสรุปได้ว่า เป็นการวางเพลิงหรือเกิดขึ้นเอง เพราะในโกดังมีสารเคมีหลายชนิดที่เมื่อเกิดความร้อนแล้วจะปะทุขึ้น และขณะเกิดเหตุก็มีเจ้าหน้าที่อยู่โกดังใกล้เคียง มองว่าเป็นเรื่องยากที่จะมีคนเข้ามาวางเพลิงในช่วงเวลานั้น และต้องรอเพลิงสงบถึงจะสามารถเข้าไปตรวจสอบภายในโรงงานได้
ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้โกดังรอบที่แล้ว เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ที่พบหลักฐานการวางเพลิง ตำรวจเก็บพยานหลักฐานและลายนิ้วมือแฝงไว้เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างเทียบเคียงหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
ขณะเดียวกันทีมข่าวคุยกับชาวบ้านที่อยู่ห่างจากโกดังเพียง 500 เมตร เธอบอกว่าเมื่อวานนี้มีกลุ่มควันขึ้นมาช่วง 10 โมงเช้า จึงแจ้งเทศบาลเข้าไปตรวจสอบแต่กลุ่มควันก็ดับลง และช่วง 6 โมงเย็น ก็เกิดควันสีเหลืองขึ้นบริเวณหลังคาโกดังที่ 5 สักพักก็เกิดไฟไหม้
และก่อนหน้าที่จะเป็นโกดังเก็บกากสารเคมีเคยเป็นโกดังร้างมาก่อน จากนั้นมีคนมาเช่าเพื่อเก็บสายไฟและย้ายออกไป และเมื่อต้นปีที่แล้วก็มีคนมาเช่า แต่ไม่มีใครรู้ว่าเก็บอะไรไว้ในโกดัง แต่มักจะเห็นรถขยะขับเข้าไปในโกดังช่วง 2 – 3 ทุ่ม พอถามว่ามาทำอะไร คนขับก็บอกว่ามาจอดพักรถและซ่อมรถ และเห็นความผิดปกติ มีน้ำสีเหลืองไหลออกมาจากในโกดัง
ส่วนช่วงที่เห็นน้ำสีเหลืองไหลออกมาจากโกดัง คนหาปลามาเล่าให้ฟังว่ามีปลาตายและต้นไม้ตายหลายต้น จึงคิดว่าในโกดังน่าจะมีสารเคมีแน่นอน ซึ่งตนก็เอะใจจึงไปแจ้งนายกฯ และมารู้ช่วงปลายปีที่แล้วว่าโกดังนี้เก็บกากสารเคมีไว้เป็นของกลาง และเมื่อเกิดไฟไหม้ซ้ำอีกก็รู้สึกกลัวและกังวลเรื่องสุขภาพของตัวเอง เพราะกลิ่นเหม็นจนทนไม่ไว เวลาหายใจกลิ่นสารเคมีก็เข้าไปในปอดและยังมีปะปนอยู่ในอากาศ
ส่วนช่วงเช้า นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพแวดล้อม และได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ได้พยายามหารือกับผู้เกี่ยวข้องให้ย้ายกากอุตสาหกรรมในโกดังออกจากพื้นที่แล้ว 2 ครั้งมา แต่ติดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการขนย้ายและการกำจัด จึงเตรียมเข้าหารือกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมอีกครั้งเพื่อเร่งให้ดำเนินการย้ายออกจากพื้นที่เร็วที่สุด ซึ่งจากสารเคมีอุตสาหกรรมเหล่านี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมโรงงานทั้งหมด ก่อนหน้านี้ไม่มีใครสามารถที่จะเข้าพื้นที่มาได้เพราะอยู่ภายใต้อำนาจการอายัดจากสารเคมีเป็นของกลาง
ตรวจหวยงวดนี้ – ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ลอตเตอรี่ 2/5/67
ประกาศเตือนฉบับที่ 3 “พายุฤดูร้อน” 32 จังหวัดเตรียมรับมือ 3-4 พ.ค.
อาหารแก้อ่อนเพลีย-เหนื่อยง่าย เติมความสดชื่น จากการขาดวิตามินบางชนิด